ทั้งร้านค้า / ลดสูงสุด 400 บาท
13% off
ซื้อขั้นต่ำ ฿459.00
ใช้ได้ถึง 30-11-24
เหลือ 357 คูปอง
ทั้งร้านค้า / ลดสูงสุด 300 บาท
5% off
ซื้อขั้นต่ำ ฿359.00
ใช้ได้ถึง 30-11-24
เหลือ 500 คูปอง
ทั้งร้านค้า / ลดสูงสุด 300 บาท
10% off
ซื้อขั้นต่ำ ฿399.00
ใช้ได้ถึง 30-11-24
เหลือ 482 คูปอง
|
|
|
|
|
เรื่องย่อ
ในปี 1994 หนุ่มอเมริกันนามเจสซี่ เจอกับหญิงสาวฝรั่งเศสนามซีลีน บนรถไฟความเร็วสูงสายยุโรป พวกเขาพูดคุยถูกคอ และรู้สึกเชื่อมโยงกันอย่างประหลาด จนชายหนุ่มเอ่ยปากชวนหญิงสาวให้ทำเรื่องบ้าระห่ำ นั่นคือการลงจากรถไฟแล้วใช้เวลา 1 คืนในเวียนนาเดินคุยกันต่อ หญิงสาวลังเลแต่สุดท้ายเธอก็ยอมเสี่ยง นั่นคือฉากต้นเรื่องของ Before Sunrise (1995) หนังรักที่เป็นจุดเริ่มของความสัมพันธ์ของตัวละครคู่อันเปี่ยมเสน่ห์ ที่อีก 9 ปีต่อมาได้กลับมาแลกเปลี่ยนบทสนทนา และทะเลาะเบาะแว้งกันพอเป็นพิธีอีกครั้งใน Before Sunset
เหตุการณ์ภาคสองอย่าง Before Sunset (2004) นั้นย้ายฉากมาเกิดขึ้นในปารีส เจสซี่และซีลีนเติบโตจากหนุ่มสาววัยต้นยี่สิบ มาสู่ผู้ใหญ่วัยต้นสามสิบที่ประสบความสำเร็จด้านการงานแต่มีบาดแผลในแง่ความสัมพันธ์ส่วนตัว เจสซี่นำเหตุการณ์เมื่อ 9 ปีก่อนมาเขียนเป็นนวนิยาย เขาถูกเชิญมาแจกลายเซ็นต์ที่ปารีส เมืองที่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างซีลีนอาศัยอยู่ พวกเขาสองคนเจอกันอีกครั้งที่ร้านหนังสือ ก่อนจะแลกเปลี่ยนบทสนทนาประสาปัญญาชนในร้านกาแฟและท้องถนนเมืองปารีส เผยทัศนคติที่มีต่อความรัก เซ็กส์ และความตาย ความเคียดแค้นที่พวกเขามีต่อโชคชะตา รวมถึงความห่วงใยในปัญหาของโลก เหตุการณ์ทั้งหมดที่เล่ามานี้เกิดขึ้นในเวลาไม่นานเกิน 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าหนังที่เต็มไปด้วยบทสนทนาเกือบทุก 1 นาทีนี้จะจับใจคนดูได้อยู่หมัด จนขึ้นหิ้งกลายเป็นหนังรักในหัวใจของหลายคน
ทั้ง Before Sunrise และ Before Sunset ต่างเป็นหนังเน้นบทสนทนาทั้งสองเรื่อง ทว่าในภาคแรก พวกเขาจะไม่ช่างพูดมากเหมือนภาคสอง อาจเพราะภาคแรกเป็นเรื่องของนักเดินทางแปลกหน้าสองคนที่กำลังเริ่มต้นทำความรู้จักกัน ตัวละครยังมีความเขินอายของหนุ่มสาววัยต้นยี่สิบปรากฏอยู่ เราจึงได้เห็นท่าทีลังเลอ้อยอิ่ง การค่อยๆ เรียนรู้แต่ละฝ่าย รวมถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมากกว่าจะเป็นการปะทะอันชวนแตกหัก มีฉากหนึ่งที่พวกเขาตัดสินใจไม่แลกเบอร์โทรศัพท์หรือขอที่อยู่กันและกัน โดยเจสซี่สรุปว่า “เป็นเรื่องงี่เง่าที่ผู้คนมุ่งแต่คาดหวังว่าทุกความสัมพันธ์ต้องยาวนานและคงอยู่ตลอดไป” “ใช่ ทำไมผู้คนต้องคิดอย่างนั้น? มันงี่เง่ามาก” ซีลีนแสดงท่าทีเห็นด้วยในฉากนั้น แต่ในตอนท้าย หนังเปิดเผยให้เห็นว่าแท้จริงแล้วพวกเขาปรารถนาจะเจอกันอีก การรอมชอมในตอนต้นและกลางเรื่องเกิดจากความไม่แน่ใจในอีกฝ่ายมากกว่าจะเกิดจากความรู้สึกอันแท้จริง ขณะที่ภาคสอง ในวัยที่เติบโตจนอายุสามสิบต้นๆ พวกเขากลับจริงใจและพร้อมเปิดเผยมากขึ้น ในฉากที่ซีลีนถามเจสซี่ว่า “ทำไมคุณเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้น?” เจสซี่ตอบกลับอย่างเปลือยความรู้สึกว่า “ผมเขียนมันขึ้นเพราะหวังว่าจะได้เจอคุณอีก ผมจะได้ถามว่า ทำไมคุณไม่มาตามนัด?”
|
|
|
|
|
|